ตัวอย่างที่ 2: การใช้ Pot Odds กับ Draw
เรามาต่อกันด้วย hand เดิมจากบทความที่แล้ว cutoff raise มา $3 ในเกม online $0.50/$1.00 และเราถือไพ่ 7♦ 5♦ อยู่ที่ big blind ซึ่งตอนนี้เรารู้แล้วว่ามี equity มากพอที่จะ call และได้ตัดสินใจ call ไป
Flop เป็น J♦ 8♣ 2♦ เรา check ไปก่อน และ preflop raiser bet มา $4 ใน $6.50 pot ที่นี้เรามาทำตามขั้นตอนเพื่อหาว่าเราสามารถ call bet นี้อย่างมีกำไรได้หรือไม่
Step 1: คำนวณหา final pot size ถ้าตัดสินใจ call
$6.50 (pot size) + $4 (bet size) + $4 (call size ของเรา) = $14.50
Step 2: หารจำนวนที่ต้อง call ด้วยจำนวนของ final pot
$4 call size / $14.5 final pot size = 0.276
Step 3: คูณด้วย 100 เพื่อให้เป็น %
0.276 * 100 = 27.6% equity ที่ต้องมีถ้าตัดสินใจ call
Step 4: ประเมินว่า hand ของเรามี equity มากพอที่จะ call ไม๊
เพื่อให้เป็นการคำนวณที่ง่าย เราจะโฟกัสที่ hand ของเราและข้ามในส่วน range ของคู่ต่อสู้
มาลองดูว่าเรามี out อะไรบ้าง:
- เรามี 9 out ที่จะเป็น flush ซึ่งหมายความว่าเราจะ improve เป็น flush ได้ประมาณ 18% ที่ turn (9 diamond / ไพ่ 47 ใบที่เหลือ)
- เรามี 6 out ที่จะเป็น pair (โอกาสประมาณ 12%) ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่มีโอกาสเป็น best hand แต่ยังทำให้เราสามารถ call ที่ turn ได้ถ้าคู่ต่อสู้ bet มา
- เรามี 6 out ที่จะเป็น straight draw (ประมาณ 12%) ซึ่งจะทำให้เราสามารถ call ที่ turn ได้ถ้าคู่ต่อสู้ bet มา
และคู่ต่อสู้จะไม่ bet ที่ turn เสมอไปเวลาที่เรายังไม่ติดอะไร นั่นหมายความว่าบางครั้งเราจะได้ free river card และเพิ่มโอกาสอีก 18% ที่จะติด flush
เราได้เห็นกันแล้วว่าเรามี equity มากถึง 27.6% อย่างแน่นอน และสามารถเป็นการ call ที่มีกำไรได้อย่างไร
ตัวอย่างที่ 3: ใช้ Pot Odds เพื่อ Bluff-Catch ที่ River
Note: Bluff-catch คือการ call bet ด้วย hand ที่ชนะเพียง bluff ของคู่ต่อสู้เท่านั้น
เวลาที่ต้องตัดสินใจว่าจะ bluff-catch ที่ river หรือไม่นั้น เราจะต้องมีการประเมิน range ของคู่ต่อสู้เสมอ
สมมุติว่าเราได้ปกป้อง big blind กับ raise จาก cutoff ด้วยไพ่ 9♣ 7♣ Flop เปิดมาเป็น 9♦ 8♠ 3♣ และเราได้ check-call ไป turn เป็น 2♥ และเราได้ check-call ไปอีกครั้ง สุดท้าย river เป็น 2♣ และคู่ต่อสู้ก็ยังคง bet อีก $20 ลงใน $40 pot
ได้เวลาเริ่ม step กันแล้ว!
Step 1: คำนวณหา final pot size ถ้าตัดสินใจ call
$20 (bet size) + $40 (pot size) + $20 (call size ของเรา) = $80
Step 2: หารจำนวนที่ต้อง call ด้วยจำนวนของ final pot
$20 call size / $80 final pot size = 0.25
Step 3: คูณด้วย 100 เพื่อให้เป็น %
0.25 * 100 = 25%
Step 4: ประเมินว่า hand ของเรามี equity มากพอที่จะ call ไม๊
ในขั้นตอนนี้ เราจะใส่ range ของคู่ต่อสู้และ hand ของเราลงใน equity calculator แต่ก่อนอื่นเราต้องทำการประเมินว่ากำลังเจอกับ range ประมาณไหน
อย่าลืมว่าคู่ต่อสู้ได้ raise preflop มาจาก cutoff และได้ bet ตลอดทั้ง 3 street บน baord 9♦ 8♠ 3♣ 2♥ 2♣ เราจะประเมินว่า value range ของคู่ต่อสู้คือ:
- Sets 88 และ 33 (99 น่าจะ slow-plays ที่ flop)
- Strong two pair: AA-TT, 98s, A9s
และ bluff range จะเป็นพวก missed straight draw อย่าง QJ, QT, JT, 76s, 75s, 65s, A5s, A4s แต่เพราะ poker player ส่วนใหญ่ bluff น้อยเกินไป เราจะตัดจำนวน bluff ของคู่ต่อสู้ลงครึ่งนึงในการคำนวณ
9♣ 7♣ ของเรามี equity 46.58% ต่อ range ของคู่ต่อสู้ นั่นหมายความว่าเรามี equity มากพอที่การ call จะทำกำไรได้ในสถานการณ์นี้
Pot Odds Shortcuts
ถ้าต้องการตัวช่วยให้การเล่นบนโต๊ะง่ายขึ้น เราก็ควรจำ list pot odds นี้ให้ได้ และพยายามประมาณตาม bet size ของคู่ต่อสู้ วิธีนี้จะช่วยให้เราสามารถโฟกัสในด้านอื่นๆของ hand และทำการตัดสินใจได้ดีและทำกำไรได้มากขึ้น
บทสรุปสุดท้ายเกี่ยวกับ Pot Odds
Pot odds เป็นเพื่อนของเราบนโต๊ะ poker เราจำเป็นต้องรู้เสมอว่ามี pot odds เท่าไหร่ถ้าต้องการได้ good call อย่างสม่ำเสมอ อย่าลืมจดจำตารางด้านบนและใช้มันในการเล่นครั้งต่อไป